ต้องยอมรับว่าวันนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศไทยที่รายได้สำคัญมาจากภาคการท่องเที่ยว เมื่อการเดินทางระหว่างประเทศยังไม่สามารถกลับมาเป็นปกติ หลายประเทศจึงหันไปกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศแทน และถึงแม้ประเทศไทยจะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้ง 8 ประเทศ ประกอบด้วย จีน (22 มณฑล), เวียดนาม, ลาว, ไต้หวัน, นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, ดูไบ และมาเก๊า รวมถึงมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ยังไม่ฟื้นตัว อันเองมาจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่อีกด้วย

โดยจากผลการรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เปิดเผยว่ารายได้จากการท่องเที่ยวใน 11 เดือนแรกของปี 2563 หายไปกว่า 1.93 ล้านล้านบาท ติดลบกว่า 71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

ซึ่งจากผลสำรวจ GoLocal Survey จาก Agoda ที่ทำการสำรวจใน 8 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย, ไทย, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, ซาอุดิอาระเบีย, เวียดนาม, และสหรัฐอเมริกา พบว่า มีสัดส่วนการท่องเที่ยวในประเทศมากถึง 65% และอีก 35% เป็นการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทย พบว่ามีการเที่ยวในประเทศสูงถึง 78% ซึ่งจากข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้งานทั่วโลกยังพบว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ถูกค้นหามากที่สุดเป็นอันดับ 2 สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวไปจนถึงสิ้นปี 2563 อีกด้วย จะเห็นได้ว่าท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 และสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ “ประเทศไทย” ยังคงเป็น ‘Top of Mind’ จุดหมายที่อยู่ในใจของคนทั่วโลก นอกจากมาตรการจากภาครัฐแล้ว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหันมาโฟกัสการสร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัยและการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและผู้มาใช้บริการ เพราะจากผลสำรวจของ Agoda ยังพบอีกว่า 39% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยคาดว่าจะสามารถใช้แอปพลิเคชันเดียวสำหรับทุกความต้องการในการเดินทางได้ ทำให้เราต้องลองกลับมาย้อนดูว่าธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยควรจะหยิบเอาเทคโนโลยีอะไรมาพัฒนาธุรกิจให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้

ประเทศจีน เป็นตัวอย่างที่น่าจับตามองในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งบริษัท China Mobile ร่วมกับ บริษัทในท้องถิ่นในมณฑลยูนนาน ได้สร้าง Smart City โดยการใช้เทคโนโลยี 5G เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการเนื่องจากมลฑลยูนนานเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตในการเที่ยวในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวจีน และประสบปัญหานักท่องเที่ยวแออัดเกินไปในช่วง High Season อยู่บ่อย ๆ ทำให้ Facilities ต่าง ๆ ไม่เพียงพอ เช่น ห้องน้ำ รถทัวร์โดยสาร รวมถึงการจำกัดจำนวนคนเข้าชมตามสถานที่ต่าง ๆ จึงได้เกิดการพัฒนา Digital Platform ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเปิดแอปพลิเคชั่นเพื่อค้นหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดและยังสามารถดูได้ว่ามีคนรอต่อคิวจำนวนกี่คน รวมไปถึงการสร้าง Cloud Platform ที่ช่วยให้บริษัททัวร์สามารถตรวจสอบสภาพการจราจร จำนวนที่จอดรถในแหล่งท่องเที่ยวและที่โรงแรม ระบบการจองตั๋ว และฟังก์ชันอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่นการตรวจจับความเร็วและความปลอดภัยในการขับขี่ของรถทัวร์จากชิพ IoT นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี VR ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สำหรับที่ที่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้าไปถึงได้เนื่องจากประชากรแออัด หรือมุมอื่นๆ ที่โดยทั่วไปไม่สามารถเข้าไปชมทิวทัศน์ในมุมนี้ได้ เช่น การชมทะเลหมอกในมุมสูง หรือการชมความงามภายในถ้ำ

เทคโนโลยีสำหรับการท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI, IoT, VR หรือ Cloud ล้วนมีพื้นฐานมาจาก Data ทั้งสิ้น เนื่องจากทุกครั้งที่เราออกไปบนท้องถนนโดยพกสมาร์ตโฟนไปด้วยนั้น เราก็ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาแล้วแม้ว่าจะไม่ได้กำลังใช้สมาร์ตโฟนนั้นอยู่ก็ตาม ข้อมูลจาก GPS จะมีการบันทึกว่าเราเดินทางมาจากไหนและกำลังจะไปที่ไหน ด้วยความเร็วเท่าไร รวมถึงข้อมูลจากระบบ CCTV ระบบวิเคราะห์ใบหน้า ระบบอ่านป้ายทะเบียนรถยนต์ ระบบเหล่านี้สร้างข้อมูลขึ้นมาแม้ว่าเราจะไม่ได้กำลังพกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ แค่สัญจรอยู่บนท้องถนนเราก็ป้อนข้อมูลบางอย่างให้กับระบบแล้ว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการนำมาประมวลผลและประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น Smart-security services เพื่ออำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยในเมือง การพัฒนาระบบการขนส่ง และการให้บริการล่ามและไกด์นำเที่ยวในรูปแบบ A.I. อัจฉริยะ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ โดยสร้างประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ ๆ สร้างคอนเทนท์โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม หรือร้านอาหารต่างๆ ในรูปแบบ VR เพื่อสร้างประสบการณ์Unseen Thailand แบบใหม่ๆ และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอีกด้วย

เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีกลายมาเป็นตัวช่วยที่สำคัญของธุรกิจทุกภาคส่วน นอกจากจะช่วยเปิดโอกาสให้องค์กรเชื่อมต่อกับลูกค้าหรือดำเนินกิจการต่อได้อย่างไม่สะดุดแล้ว เทคโนโลยีดิจิทัลยังสร้างโอกาสและสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับบรรดานักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการ จึงเป็นเวลาอันเหมาะสมอย่างยิ่งที่บรรดาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาการท่องเที่ยวไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่รอคอยวันที่จะได้กลับมาท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง